ไม่กินน้ำตาล! ลดเบาหวานได้จริงมั๊ย

หลายท่านอาจเคยสงสัยว่า ไม่กินหวานแล้วนะ ทำไมยังเป็นเบาหวานได้อีก? แท้จริงแล้วการกินหวานเป็นสาเหตุของเบาหวานจริงหรือ?

ทำความรู้จักกับโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเกิดจากตับอ่อนทำงานผิดปกติไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอ เมื่อรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นพลังงานในรูปของน้ำตาลกลูโคส โดยอินซูลินจะเก็บน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เนื้อเยื่อต่างๆ เพื่อใช้เป็นพลังงาน ซึ่งหากมีอินซูลินไม่เพียงพอจะทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ และถูกขับออกมาในปัสสาวะ ผู้ป่วยจึงมีอาการปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

การไม่ทานหวาน แต่ทำไมยังเป็นเบาหวาน
การทานหวานไม่ได้ทำให้เป็นเบาหวานได้โดยตรง คนที่ทานหวานบางคนไม่เป็นเบาหวาน แต่อาจจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนได้ เพราะร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลส่วนเกินไปเป็นไขมันสะสมในร่างกาย กลับกัน คนที่ไม่ทานหวานเลย ก็อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้ เพราะการเกิดโรคเบาหวาน มีปัจจัยมากกว่านั้น
1.ปัจจัยภายใน หรือ พันธุกรรม
เบาหวานมีสองชนิด เกิน 95% ของผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลก คือ เบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes Mellitus) เป็นชนิดที่มีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมมักได้ประวัติเบาหวานในครอบครัว หากเรามีญาติสายตรง ได้แก่ พ่อ แม่ พี่ น้อง จะทำให้ตัวเรา และลูกของเรามีโอกาสเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้น
2.ปัจจัยภายนอก
พฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือ ไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) ของบุคคลนั้นๆ ได้แก่

  • พฤติกรรมการรับประทานอาหาร “You are what you eat” การทานอาหารแปรรูป อาหารที่มีไขมันทรานส์สูง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
  • ลักษณะกิจกรรมการใช้ชีวิต คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มีลักษณะทำงานนั่งโต๊ะเป็นหลัก มีการขยับร่างกายน้อย เรียกว่า “Sedentary Lifestyle” เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ และหลอดเลือด ใช้พลังงานน้อย ทำให้เหลือพลังงานสะสมเยอะจนเกิดเป็นโรคอ้วน เพิ่มความเสี่ยงเบาหวานได้ในที่สุด
  • การสูบบุหรี่ ทำให้ตับอ่อนที่ทำหน้าที่ในการสร้างฮอร์โมนอินซูลินเสื่อมเร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเบาหวาน
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า ไวน์ เบียร์ เป็นต้น) แอลกอฮอล์นั้นให้พลังงานสูง 1 กรัมของแอลกอฮอล์ จะให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี่ ในขณะที่คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงานเพียง 4 กิโลแคลอรี่ จะเห็นได้ว่าแอลกอฮอล์ให้พลังงานสูงกว่าถึง 2 เท่า ดังนั้นการดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้อ้วนได้ง่าย นอกจากนี้คนที่ดื่มปริมาณมากๆ อาจทำให้ตับอักเสบเฉียบพลัน เกิดอันตรายรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ หรือ กลายเป็นเบาหวานแบบต้องใช้อินซูลิน และต้องทานเอนไซม์ย่อยอาหารทดแทนหน้าที่ของตับอ่อนที่เสียไปชั่วชีวิต
  • ความเครียด และการอดนอน ด้วยสังคมปัจจุบันที่เร่งรีบและมีการแข่งขันที่สูง การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ใน Social Media รวมถึงการทำงานที่เปลี่ยนเป็นแบบ “Work From Home” และการเรียนออนไลน์ ทำให้เส้นแบ่งเวลาทำงาน และเวลาพักผ่อนหายไป ต้องทำงาน และประชุมในตอนกลางดึก หรือ แม้แต่ช่วงวันหยุด ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ จนสะสมและเกิดความเครียด และจะเกิดการกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ และผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ส่งผลร้ายต่อทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

มื้อเช้าง่าย ๆ ที่ต้องใส่ใจ
อย่างที่ทราบกันดีว่าการทำงานที่เร่งรีบในแต่ละวันอาจทำให้การเลือกอาหารมื้อเช้านั้นทำได้ยาก หลายท่านอาจเลือกเป็นอาหารที่หาซื้อง่ายและทานได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นหมูปิ้ง/หมูทอด/ไก่ทอด พร้อมด้วยข้าวเหนียวซักห่อ หรือข้าวกล่องจากร้านสะดวกชื้อ ซึ่งอาหารเหล่านี้มักมีไขมันสูงและมีรสเค็มจัด นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาพบว่าการขาดมื้อเช้าสัมพันธ์กับการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นชนิดที่พบมากที่สุด (ร้อยละ 95 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด) มักพบในคนอายุ 30 ปีขึ้นไปและมีประวัติพบผู้ป่วยเบาหวานชนิดนี้ในครอบครัว จะดีหรือไม่? หากลองปรับเปลี่ยนโดยการเริ่มต้นวันใหม่ด้วย “เครื่องดื่มสมุนไพร” ช่วยล้างไขมัน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ชงจิบอุ่นๆ ผ่อนคลาย ได้สุขภาพ ช่วยให้ให้ช่วงเช้าของการทำงานของคุณสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมลุยงานอย่างเต็มที่
จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น จะทำให้เห็นว่า โรคเบาหวานอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่หลายคนคิด นอกจากนี้ยังทำให้มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนอย่าง โรคหัวใจ และหลอดเลือดได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงที่มีความคล้ายคลึงกัน และอาจมีอาการโรครุนแรงกว่าคนทั่วไปอีกด้วย

References

https://www.xongdur.com/content/5334/ไม่กินหวาน-ทำไมเป็นเบาหวานได้อีก
https://www.tropmedhospital.com/knowledge/
https://www.synphaet.co.th/ไม่กินน้ำตาล-เป็นเบาหวาน/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *