โรคชุกยอดฮิต เบาหวาน ไขมัน ความดัน

โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ ปัจจุบันไม่ได้พบแค่ในกลุ่มผู้สูงอายุแล้ว แต่ยังพบในกลุ่มวัยทำงาน โดยมีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
โรคชุดสุดฮิตเหล่านี้ เป็นโรคที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ป่วยมักละเลยในการดูแลสุขภาพ และในบางรายก็ไม่ทราบว่าตนเองป่วยเป็นโรคดังกล่าว การละเลยและปล่อยให้กลายเป็นโรคเรื้อรัง ส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงตามมา เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด “โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง” ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่มีต้นตอมาจากกลุ่มโรคเหล่านี้

“โรคเบาหวาน” เสี่ยง! หลอดเลือดหัวใจตีบ
จากเบาหวานเป็นความดัน จากความดันเป็นโรคหัวใจ หลายคนเข้าใจว่าเบาหวานเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่จริงๆ แล้วกลับพบว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักเสียชีวิตเพราะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ มากเป็นอันดับ 1 เลยทีเดียว! เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจะส่งผลให้หลอดเลือดแดงเกิดความผิดปกติและเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เบาหวานยังนำไปสู่โรคร้ายแรงอื่นๆ อีกหลายโรค
ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคเบาหวานกันมากขึ้น และพบว่าผู้ป่วยเบาหวานมีอายุน้อยลง โรคเบาหวานถือว่าเป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย เป็นโรคที่อาจไม่แสดงอาการใดๆ ต้องทำการวินิจฉัยด้วยการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับน้ำตาลในเลือดจึงจะทราบว่าเป็นโรคเบาหวาน โดยผลการสำรวจข้อมูลคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไป ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานมากถึง 9.5% โดย 2 ใน 3 ของผู้ป่วยเท่านั้นที่ทราบว่าตนเองเป็นโรคเบาหวาน ส่วนที่เหลือ 1 ใน 3 นั้นไม่ได้รับการตรวจและรักษาอย่างถูกวิธี
เกณฑ์การวินิจฉัยเบาหวานมีหลายวิธี เช่น การวัดระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ซึ่งค่าปกติของระดับน้ำตาลควรน้อยกว่า 100 มก./ดล. หากมากกว่า 126 มก./ดล. ถือว่าเป็นเบาหวาน อย่างไรก็ตาม หากระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่าง 100-125 มก./ดล. ถือว่ามีความเสี่ยง หรือเรียกว่าเป็นภาวะ “เบาหวานแฝง” เท่านั้น

“ไขมันในเลือดสูง” เสี่ยง! กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
เพราะระดับไขมันในเลือดมีความสำคัญต่อการเกิดหลอดเลือดแข็ง ตีบ และอุดตัน โดยเฉพาะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน สมองขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ โดยระดับคอเลสเตอรอลปกติที่ยอมรับได้ คือ ไม่เกิน 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ส่วนไตรกลีเซอไรด์ ควรน้อยกว่า 150 มก./ดล. รวมถึงไขมันชนิดดี (HDL) ควรมีค่ามากกว่า 60 มก./ดล. และไขมันชนิดไม่ดี (LDL) ควรมีค่าน้อยกว่า 130 มก./ดล.

“ความดันโลหิตสูง” หัวใจทำงานหนัก
เมื่อไหร่ที่ระดับความดันโลหิตสูงจะส่งผลให้หัวใจต้องบีบตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้ผนังหัวใจหนาตัว หากปล่อยไว้เป็นเวลานานแล้วไม่รักษา อาจทำให้ผนังหัวใจจะยืดออกและเสียหน้าที่ ทำให้เกิดเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนา หลอดเลือดหัวใจหนาตัวและแข็งตัวขึ้น เป็นหัวใจโต มีอาการเจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด ซึ่งสาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนา กว่า 90% เกิดจากโรคความดันโลหิตสูง ทำให้ความดันในหลอดเลือดแดงสูงขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายทำงานหนักและหนาตัวขึ้น เลือดดีจากปอดและหัวใจห้องบนซ้ายไม่สามารถไหลลงหัวใจห้องล่างซ้ายได้ ส่งผลทำให้หัวใจโตและเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ในที่สุด
ความน่ากลัวของโรคความดันโลหิตสูง คือ ผู้ป่วยมากกว่า 90-95 เปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถตรวจหาสาเหตุที่ชัดเจนของโรคได้ พบเพียงปัจจัยเสี่ยง เช่น อายุที่มากขึ้น การมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน อาหารที่รับประทานเป็นประจำ หรือแม้แต่พันธุกรรม นอกจากนี้ ยังมักไม่แสดงอาการ แต่เบื้องหลังนั้นได้สร้างความเสียหายต่อหลอดเลือดและหัวใจอย่างมาก ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพเรื้อรังอื่นๆ ที่อาจตามมาได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น ทั้งนี้ ค่าความดันโลหิตของคนปกตินั้นอยู่ที่ 120/80 มิลลิเมตรปรอท ค่าความดันโลหิตที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง คือ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป

References

https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/เบาหวาน-ความดัน-ค่าน้ำตาล
https://www.sikarin.com/health/
https://www.paolohospital.com/th-th/CENTER/Article/Details/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *